เวียนหัว หรือเวียนศีรษะ (Dizziness) |
เป็นคำกว้าง ๆ ที่ใช้เรียกอาการหมุนใน 2 ลักษณะ คือ รู้สึกวิงเวียนเหมือนสิ่งรอบตัวหมุน และอีกลักษณะคือรู้สึกโคลงเคลง หน้ามืดเหมือนจะวูบ
ระบบการทรงตัวของร่างกายต้องอาศัยการทำงานประสานกันของอวัยวะหลายส่วน โดยสมอง ตา และหูจะเป็นส่วนหลักในการช่วยรักษาสมดุลของร่างกายในท่าทางต่าง ๆ ดวงตาจะช่วยในการรับรู้สภาพแวดล้อมภายนอก กล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ จะช่วยในการรับรู้การเคลื่อนไหวแขน ขา และส่วนอื่นของร่างกาย รวมไปถึงการรับรู้การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งร่างกายผ่านทางประสาททรงตัวในหูชั้นในทั้ง 2 ข้าง ก่อนส่งสัญญาณไปที่สมองในการสั่งการร่างกาย เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับส่วนใดส่วนหนึ่งจากโรคต่าง ๆ หรือทำงานได้ไม่สอดคล้องกัน จึงทำให้ระบบการทรงตัวเสียไปชั่วขณะ จากข้อมูลของภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีได้ทำการศึกษาอาการเวียนศีรษะ (รวมทุกประเภท) พบว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ถึงร้อยละ 61 และพบได้มากในกลุ่มผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีอายุมากขึ้น อาการเวียนหัว เวียนหัวเป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง สามารถอธิบายได้ถึงความรู้สึกในหลายลักษณะดังนี้
อาการเหล่านี้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ขณะเดินหรือยืน หรือขณะเคลื่อนไหวร่างกายในท่าทางต่าง ๆ ทั้งนี้อาการอาจเกิดขึ้นชั่วขณะ เป็นพัก ๆ แล้วหายไป หรือนานเป็นวัน ๆ ซึ่งกระทบกระเทือนต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้หากเวียนหัวขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ หากพบว่าอาการเวียนหัวรุนแรงขึ้น หรือเกิดความผิดปกติอื่นร่วมกับอาการเวียนหัว เช่น ความสามารถในการได้ยินเสียงลดลงหรือเกิดความผิดปกติ มีปัญหาในการพูด แขนขาอ่อนแรง หัวใจเต้นผิดปกติ เจ็บหน้าอก มีอาการชาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หรือสาเหตุอื่นที่อธิบายไม่ได้ ควรรีบพบแพทย์อย่างเร่งด่วน เพื่อหาสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด สาเหตุของอาการเวียนหัว อาการเวียนหัวสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เพราะเป็นอาการกว้าง ๆ ที่เกี่ยวโยงไปได้ในหลายโรค แต่สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการเวียนหัวมีดังนี้ ความผิดปกติของหูชั้นใน ภายในหูชั้นในประกอบด้วยอวัยวะที่ควบคุมระบบการทรงตัว (Vestibular System) ที่คอยสร้างความสมดุลในการเคลื่อนไหวร่างกายในท่าทางต่าง ๆ เมื่อหูชั้นในเกิดความผิดปกติจากการติดเชื้อ การอักเสบ หรือเป็นผลมาจากโรคที่เกี่ยวข้องกับหูชั้นใน ก็ส่งผลให้ระบบการทรงตัวเกิดความผิดเพี้ยนตามไปด้วย โรคที่เกี่ยวข้องกับหูชั้นในที่เป็นสาเหตุของการเวียนหัว เช่น
ระบบหมุนเวียนโลหิตที่ผิดปกติ อาจเกิดได้จากภาวะโลหิตต่ำหรือภาวะโลหิตตกจากการเปลี่ยนท่าทางที่รวดเร็ว (Orthostatic Hypotention) รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม (Cardiomyopathy) กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart Attack) ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Heart Arrhythmia) หรือ ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว (Transient Ischemic Attack) ล้วนส่งผลให้เกิดการเวียนหัว หน้ามืด เป็นลม หรือควบคุมการทรงตัวได้ยาก เนื่องจากหัวใจไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงสมองหรือหูชั้นในได้เพียงพอ ความผิดปกติทางระบบประสาท อาการเวียนหัวอาจเกิดได้จากโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง เช่น การบาดเจ็บที่ศีรษะ โรคลมบ้าหมู เส้นเลือดตีบตัว โรคพาร์กินสัน เนื้องอกในสมอง สมองเสื่อม ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงโดยไม่ทราบสาเหตุ แพทย์จำเป็นต้องแยกสาเหตุของอาการเวียนศีรษะออกจากความผิดปกติทางระบบประสาทออกไป เพราะหากสาเหตุเกิดจากระบบประสาท ก็จำเป็นต้องได้รับการสืบค้นหาโรคเพื่อรักษาได้ตรงประเด็น สาเหตุอื่นของการเวียนหัว สาเหตุอื่น ๆ อาจเกิดได้จากโรคทางระบบกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสส่วนปลาย (Somatosensation และ Propioception) ภาวะโลหิตจาง ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ยาบางชนิดที่มีผลต่อระบบประสาททรงตัวในหูชั้นใน ภาวะการเสียน้ำและเกลือแร่ ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ เป็นต้น การวินิจฉัยอาการเวียนหัว เวียนหัวเป็นอาการที่ไม่มีลักษณะเฉพาะเจาะจง แพทย์จำเป็นต้องวินิจฉัยแยกโรคให้ชัดเจนก่อนทำการรักษา เบื้องต้นแพทย์จะซักประวัติผู้ป่วย เช่น ประวัติการเจ็บป่วย การใช้ยา หรืออุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนต่อศีรษะและสมอง เป็นต้น จากนั้นจะมีการตรวจร่างกาย และการตรวจพิเศษอื่น ๆ ประกอบด้วย ดังนี้ การทดสอบการทรงตัว (Vestibular function test)
นอกจากนี้ยังมีการตรวจเลือด เพื่อตรวจหาความเข้มข้นของเลือด การติดเชื้อ เช่น ซิฟิลิส หรือการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมสำหรับหัวใจ และหลอดเลือด สำหรับการตรวจด้วยเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ หรือเอ็มอาร์ไอ จะช่วยการสืบค้นในบางรายที่มีข้อบ่งชี้ การรักษาอาการเวียนหัว ผู้ป่วยที่มีอาการเวียนหัวสามารถดูแลตนเองเบื้องต้นได้เองที่บ้าน หากเริ่มมีอาการเวียนหัว ควรหยุดพักชั่วครู่ โดยการนั่งพักหรือนอนบนพื้นราบในลักษณะที่ศีรษะยกขึ้นสูงเล็กน้อย หยุดการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งเคลื่อนไหวร่างกายให้ช้าลง เพื่อบรรเทาให้อาการดีขึ้น หากอาการเกิดบ่อยมากขึ้น ซ้ำ ๆ ต่อกัน ควรไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและแนวทางรักษาที่เหมาะสม แพทย์จะรักษาผู้ป่วยตามสาเหตุการเกิดและอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก รวมไปถึงแนะนำการออกกำลังกายและการบริหารระบบการทรงตัว แต่หากไม่พบสาเหตุของอาการเวียนหัว แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาหรือการรักษาพิเศษอื่น ๆ
|
Last Updated on Thursday, 09 January 2020 00:33 |